Monday 19 November 2007

โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ มาตรฐานสากล (2) ผ่าตัดต้อเนื้อที่คลีนิกตา


หมอปิยะดาจะผ่าตัดตาซ้ายของผมในอีกสัปดาห์ต่อมา การผ่าตัดไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แค่รอวันนัดเท่านั้น พอถึงวันอังคาร โรงพยาบาลโทรมา บอกว่าให้มาเช้าๆ หน่อยเพราะวันนี้มีคนไข้คนหนึ่งไม่มา โรงพยาบาลเลยเลื่อนเราขึ้นผ่าตัดตอนเช้า เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ก็ไปตามนัดแต่เช้ากว่าเดิมหน่อย

เราเอาใบนัดไปใส่กล่องแล้วไปหาข้าวเช้ากิน แล้วกลับมานั่งรอเรียก สักพักเจ้าหน้าที่เรียก บอกว่าอย่าไปไหน เดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มารับตัว (เข้าห้องผ่าตัดนะ ไม่ใช่ไปพบพญายม) คอยสักพัก ประมาณเก้าโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งมาตามให้เราขึ้นไปผ่าตัดบนอีกตึกหนึ่ง ก่อนเข้าห้อง พยาบาลบอกว่าให้เอาของมีค่าฝากญาติไว้ อันที่จริงเราไม่มีของมีค่าอะไร เราเอาของเล็กๆ น้อยๆ ฝากเพื่อนไว้ เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นชุดผ่าตัดสีเขียว(แบบที่หมอใส่)ที่ห้องล้อกเกอร์ จากนั้นขึ้นไปนอนบนเตียง รอพยาบาลมาเข็นเข้าห้องผ่าตัด

ระหว่างรอมีเพลงบรรเลงเพราะๆ ให้ฟัง ผมชอบมาก ต้องชมคนเลือกเพลงที่เลือกได้เหมาะเหมง ทำให้คนไข้(อาการไม่ปกติแบบผม)สงบได้อย่างราบคาบ ผมกระดิกเท้ารอเข้าห้องผ่าตัด

รอสักพัก คุณพยาบาลมาเข็นเราเข้าห้องผ่าตัด หมอที่ทำการผ่าตัดเราในวันนั้น ก็คือ พ.ญ.ปิยะดา พูลสวัสดิ์ นั่นเอง หมอบอกว่าไม่ต้องกลัวอะไร ไม่เจ็บ หมอจะหยอดยาชาให้ หมอจัดการปิดหน้าปิดตาอีกข้าง ถ่างตาเราด้วยอะไรจำไม่ได้แล้ว น่าจะเป็นพลาสเตอร์ ขณะผ่าตัดก็ยังเห็นลางๆ แต่ไม่ชัด ไม่รู้สึกเจ็บอะไร ขณะผ่าตัดอหมอก็สอนเรื่องการผ่าตัดไปด้วย เข้าใจว่ากำลังสอนนักเรียนแพทย์หรือแพทย์รุ่นน้อง แต่ผมไม่เห็น หมอใจดีมาก ผ่าไปปลอบคนไข้ไป ทำให้คนไข้ไม่เครียด อันที่จริงผมก็ไม่ได้เครียดอะไรเพราะคิดว่าคงไม่สาหัสสากัณฑ์อะไร แต่ขั้นตอนในการผ่าตัดตานั้นค่อนข้างอ่อนไหว ไม่เหมือนผ่าตัดแขนขาซึ่งเป็นอวัยวะภายนอก การผ่าตัดตามีเรื่องเกี่ยวกับการมองเห็นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ได้ยินหมอพูดถึงเรื่องการเย็บ "เยื่อหุ้มรก" ติดกับตาหลังจากขูดต้อเนื้อออกจากตาไปแล้ว เยื่อหุ้มรกนี้ต้องเอามาจากสภากาชาดไทย แต่ผมยังไม่ทราบว่าเป็นอะไร คิดว่าต้องไปอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่นานมากนัก คงจะสักหนึ่งชั่วโมงกระมัง ทุกอย่างก็เสร็จ

พยาบาลเข็นเราออกมาห้องรอ เธอบอกว่าเราจะกลับเลยหรือจะรอให้ญาติไปเอายาจากข้างล่างมาก่อน แล้วค่อยกลับขึ้นมารับเรา เราบอกว่ากลับเลยดีกว่าเพราะยังไม่รู้สึกเจ็บอะไร ตอนเดินไปเอายากับเพื่อนรู้สึกเจ็บนิดๆ เพราะยาชาเริ่มหมดฤทธิ์ เพื่อนพาเรากลับบ้าน ตอนกลับนี่สิ ปวดเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ก็ได้ยาแก้ปวดมา ก็บรรเทาได้บ้าง

หมอนัดให้ไปตัดไหมที่เย็บออกในอีกสัปดาห์มา ก็คอยอย่างเดียว หมอให้หยอดตาทุกวัน เราเพียงแต่ทำตามคำแนะนำของหมอทุกอย่างก็ไปได้ดี

เป็นประสบการณ์ในการเข้าโรงพยาบาลครั้งแรกของผม มันดีไปอีกแบบ อาทิตย์หน้าต้องไปตัดไหมออก คงมีเรื่องผจญภัยไปอีกแบบ

ตัดแปลงภาพมาจาก ที่นี่ ดอท คอม