Wednesday 14 March 2007

ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ


แนะนำลูกค้า (Introducing Clients)

Mr. Mitchell, I’d like you to meet my manger, Henry Lewis?”
Mr. Mitchell อาจพูดต่อไปว่า
“How do you do?” Mr. Henry ก็ตอบว่า
“How do you do?” เหมือนกัน
Mr. Mitchell ก็อาจตอบว่า
“Please to meet you.” หรือ “Good to meet you.”
หัดใช้บ่อยให้การทักทายเป็นไปอย่างอัตโนมัติและสุภาพ
เคล็ดในการพูด (Speaking Tips)

“How do you do?” ในภาษาอังกฤษนั้นค่อนข้างจะเป็นทางการในภาษา อังกฤษแบบ British English และการตอบในคำถามนี้ต้องเป็นการตอบทวนคำถามด้วย “How do you do?” เท่านั้น ก็แปลกดี เรียนรู้มรรยาทไว้ก็ดี ไม่เสียหลายครับ

ในงานเลี้ยงแบบไม่เป็นทางการ (At a more informal party)
เมื่อเราแนะนำให้เพื่อนสองคนรู้จักกัน เราก็พูดง่ายๆ สั้นๆ ว่า
“John, this is Sarrah.”
แค่นี้ก็รู้เรื่องกันแล้ว ไม่ต้องนึกถึงประโยคยาวๆ ให้ยุ่งยาก

Tuesday 13 March 2007

ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ


แนะนำคนอื่น
แนะนำเพื่อนให้รู้จักกับเพื่อนร่วมงาน (Introduce a friend to a work colleague)

“Sarrah, have you met my colleague John?”


“Sarrah, I’d like you to meet my colleague, John”


Sarrah พูดก็ว่า


“Please to meet you, John.” หรือ


“ Nice to meet you, John.”

ลองฝึกพูดกับเพื่อนๆ ในหอก็ได้

ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ




แนะนำตัว(Introduce yourself)
การแนะนำตนเองของชาวตะวันตกนั้นถือว่าเป็นวัฒนธรรมและเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ตามมมรรยาทเราควรแนะนำตัวเองก่อน

ที่งานปาร์ตี้แบบสบายๆ แห่งหนึ่ง

“ I’m Maria.” หรือ
“Hello. My name’s Maria.”
คำตอบอาจเป็น
“Hello Maria, I’m Sarrah.”หรือ
“Nice to meet you. I’m Sarrah.”
ในที่ทำงาน สถานการณ์คล้ายๆ กัน
“I’d like to introduce myself. I’m Maria from….” หรือ
“Let me introduce myself. I Maria from…”
ผู้พูดอีกฝ่ายอาจตอบว่า
“Nice to meet you. I’m Peter Mitchell from Mitchell Creations”
“Please to meet you. I’m Peter Mitchell from Mitchell Creations”
“Hoe do you do. I’m Peter Mitchell from Mitchell Creations”


ฝึกมากๆ นะครับ จะคล่องไปเอง





ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ


Greeetings

ทักทายคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เราสามารถใช้คำว่า “Hello” ทักทายคนที่เราไม่รู้จักได้ แต่ก็มีคำทักทายที่เป็นทางการกว่าอยู่เหมือนกัน เช่น
“Good morning /Good afternoon / Good evening.”
อีกฝ่ายอาจจะตอบมาด้วยคำพูดอย่างเดียวกับคำที่เราใช้ แล้วก็ตามด้วยการสนทนาอย่างสุภาพ เช่น “How was your trip?”
“How did you find our office easily?”

หัดพูดประโยคซ้ำๆ บ่อย จะรู้สึกว่าเราพูดคล่องไปโดยไม่รู้ตัว



ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ


ทักทายในภาษาอังกฤษ (Greetings)
เพื่อนสองคนพบกัน (Two friends meeting)
ปกติถ้าเป็นเพื่อนกันเมื่อพบกันเรามักทักทายด้วย “Hi” แล้วก็ถามด้วยคำถามทั่วไป เช่น
“How are you?”
“How are things?” หรือ
“How’s life?”
คำตอบส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปในทางที่ดี เช่น
“Fine thanks, and you?
“Fine thanks, what about yourself?”
“Not bad”

โดยส่วนใหญ่แล้วไม่มีใครตอบในทางลบ เช่น It's aweful! แม้ว่าเราจะถูกภรรยายำมาจนเละก็ตาม
ลองฝึกบ่อยๆ ก็จะชินและเมื่อเวลาต้องทักทายจริงๆ เราก็สามารถพูดได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องนึกก่อนพูด




Monday 12 March 2007

ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ




การออกเสียงภาษาอังกฤษ (Improving your pronunciation)

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดที่ช่วยในการปรับปรุงการออกเสียงภาษาอังกฤษของเราได้
ก่อนอื่นต้องยอมรับซะก่อนว่า เราไม่ใช่เจ้าของภาษา ไม่ได้เกิดมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น การที่จะให้เราพูดภาษาอังกฤษมีสำเนียงแบบเจ้าของภาษาเปี้ยบนั้นก็คงยาก เพราะเรามาเรียนภาษาอังกฤษเอาเมื่อตอนที่เราโตแล้ว ยิ่งเราอยู่ในประเทศไทยด้วยแล้ว ไม่ค่อยจะมีโอกาสพูดภาษาอังกฤษซักเท่าไหร่ จึงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับคนไทยเราบ่อยๆ เอาล่ะ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เอาเป็นว่าพูดแล้วคนอื่นเข้าใจที่เราพูดเป็นอันใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ไหนๆ เรียนแล้วก็ออกเสียงให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาหน่อยละกัน เพื่อจะเอาไปใช้ได้จริงๆ และก็อย่าสิ้นหวัง มีอยู่หลายวิธีที่เราสามารถปรับปรุงทักษะการออกเสียงและการพูดของเราได้


๑. ฟังให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ (Listen to spoken English as often as possible)
ฟังเจ้าของภาษาออกเสียงคำหรือวลีต่างๆ แล้วก็ลองเอาเป็นแบบออกเสียงตามที่เจ้าของภาษาพูดดู

๒. หัดเรียนตัวอักษรที่ใช้แทน เสียง(phonetic alphabet)ดูบ้าง (Learn the phonetic alphabet)
ให้เราใช้อักษรแทนเสียง(หาได้จากในหน้าแรกหรือปกในของDictionary) เป็นแนวในการออกเสียงคำใหม่ๆ
๓. อย่าลืมเรียนการเน้นหนักของเสียงในคำใหม่ที่เราเรียนด้วย (Don’t forget to learn the word stress of a new word)
คำในภาษาอังกฤษทุกคำมีการเน้นหนักหรือ stress ในแต่ละคำหรือการเน้นที่ท้ายประโยค (intonation) ตัวอย่างเช่น คำว่า “believe” มีสองพยางค์ คือ be กับ lieve แต่การออกเสียงไปเน้นหนักที่พยางค์ที่สองหรือพยางค์ท้ายคือ be’lieve ไม่ใช่‘believe หรือพยางค์หน้า

ว่ากันว่าการเน้นเสียงหนักในภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสำคัญเหมือนกันเพราะหากเน้นผิดพยางค์ความหมายอาจเปลี่ยนไปหรือผู้ฟังที่เป็นเจ้าของภาษาไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ลองอีกจะครับ




ภาษาอังกฤษวันละหน่อยกับลุงวรรณ


โครงสร้างตัวอย่างการสนทนา
ลองมาดูตัวอย่างโครงสร้างการสนทนาของประโยคก่อนๆ ข้างล่างที่เราเรียนมา เผื่อจะนำไปเป็นตัวอย่างของประโยคอื่นๆ ดูบ้าง
๑. เจ้าหน้าที่ทักทายเรา

"(Good morning) How can I help you?"
"What can I do for you?"

๒. เราขอให้คนอื่นทำอะไรให้เรา
I'd like some information about...
Can I have...
Three stamps for Europe, please.

๓. เจ้าหน้าที่ถามคำถามเรา
Single or return?
Air-mail or surface mail?

๔. เราตอบ
Oh,er, single thanks.
Um,let me see. Air-mail, please.

๕. เจ้าหน้าที่ถามว่าเราต้องการอย่างอื่นอีกหรือไม่
Will that be all?
(Is there)any thing else?

๖. เราตอบ
Ah, actually I also'd like...
No, that's it thanks. (Thank you.)

อย่าลืมหมั่นฝึกบ่อยๆ นะครับ การเรียนภาษาไม่ได้ยากมากสำหรับเรา หากเราพยายาม เพราะภาษา "เป็นพฤติกรรมที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้"