Friday 2 November 2007

ชดเชยความล่าช้าหรือเสียหาย


เมื่อปีก่อน ผมเดินทางไปไต้หวันด้วยสายการบิน KLM (ของดัชท์) เที่ยวบินที่ 877 กรุงเทพฯ-ไทเป ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าหนาวของยุโรป เข้าใจว่าหิมะตกมาก เครื่องไม่สามารถขึ้นได้ ทำให้เดินทางมาถึงกรุงเทพช้ากว่ากำหนด และเครื่องบินต้องออกจากกรุงเทพฯ ไปไทเปช้ากว่ากำหนดสองชั่วโมงกว่า

ผู้โดยสารของเที่ยวบินนั้นไม่รู้สึกหงุดหงิดกับการเดินทางเที่ยวนั้น ทุกคนให้อภัยเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย กับสิ่งที่สายการบินปฎิบัติกับผู้โดยสารนั้นทำให้ผ่อนคลายไปได้ นั่นคือ เขาชดเชยความผิดพลาดของเขาโดยการแจกคูปองอาหารให้ แจกเวาเชอร์ลดคราคาตั๋วเครื่องบิน 55 ยูโร แจกเวาเชอร์เพื่อซื้อของบนเครื่องบินครึ่งราคา และแจกของขวัญอีกเพื่อเอาใจผู้โดยสาร

อันที่จริง เขาไม่ต้องทำมากมายอย่างนั้นก็ได้เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เขาแสดงความจริงใจ เอาใจใส่ผู้โดยสารด้วยความรู้สึกผิด ไม่เหมือนกับของสายการบินไทยและรถไฟไทย

ครั้งหนึ่ง ปีก่อนเช่นกัน ผมไปมะนิลา ฟิลิปปินส์ด้วยสายการบินไทย ตอนขากลับเครื่องบินดีเลย์สองชั่วโมง กว่าเครื่องจะออกก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่า เจ้าหน้าที่สายการบินไทยเอาแซนวิชอันเล็กๆกับน้ำผลไม้อีกกล่องมาแจก เห็นแล้วสังเวชเสียจริง หากเปรียบเที่ยบกับ KLM แล้ว สายการบินไทยยังอยู่ในอันดับบ้วยๆ ของการบริการ มีแต่พวกขี้โม้เสียมากกว่า ใครบอกการบินไทยดี ผมเถียงหัวชนฝา

มาถึงรถไฟไทย ไม่ว่าจะประท้วงหรือเกิดความผิดพลาด รถไฟตกราง หรือรถไฟแหกขึ้นมาบนชานชลา ชนระเนระนาด ไม่เห็นมีใครพูดถึงการชดเชย เมื่อสองวันก่อนคนงานรถไฟประท้วง ไม่มีใครพูดถึงความลำบากของผู้โดยสาร ยกเว้นเสื่อมวลชน คนรถไฟไม่ต้องพูดถึง พวกเขาพูดแต่เรื่องตัวเองก่อนผู้โดยสาร ถ้าเป็นอย่างนี้ ผมว่าขายให้เอกชนไปเถอะ หากไม่มีปัญญาจะทำให้ดี ทรัพย์สมบัติของประเทศชาติ ไม่ใช่ของคนงานรถไฟ หากเห็นว่าไม่คุ้มก็ไม่น่าปล่อยให้พวกเขาทำ ทั้งๆ ที่ผมเองก็ยังเห็นว่ากิจการเหล่านี้เป็นสาธารณูปโภค รัฐบาลควรดูแล ยอมขาดทุนบ้างเพื่อความผาสุกของประชาชนก็ตาม แต่หากเราปล่อยให้คนเหล่านี้เข้าคุกคามประชาชนอยู่บ่อยๆ อย่างนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับคนไทยทั้งประเทศ ให้เอกชนทำไปเหอะ อย่าอุ้มคนเหล่านี้อยู่เลย ปล่อยให้ทำไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น รังแต่จะสะสมหนี้สิน เพราะคนรถไฟไร้ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง ไร้ประสิทธิภาพ สงสารคนไทยทั้งประเทศที่ต้องมารับกรรมที่เกิดจากคนงานรถไฟเป็นผู้ก่อ